|
การประกันภัยที่อยู่อาศัยแม้จะเปิดให้บริการในประเทศไทยมานานกว่า 5 ปี แต่ถือเป็นหนึ่งในความรู้และทางเลือกใหม่สำหรับผู้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย การวิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียของการทำประกันภัยลักษณะนี้จึงเป็นสิ่งควรรู้สำหรับผู้ซื้อบ้านยุคใหม่เกี่ยวกับบริการและนวัตกรรมใหม่ในตลาดที่อยู่อาศัยปัจจุบัน
โดยปกติเมื่อพูดถึงการประกัน ไม่ว่าจะประกันชีวิต หรือประกันรถยนต์ ซึ่งเป็นที่แพร่หลาย แต่เมื่อถามถึงทัศนคติผู้บริโภคในแง่ของการประกันแล้ว ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน ไม่นับรวมถึงประกันภัยที่อยู่อาศัยที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่และยังไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาด
โดยทั่วไปการสร้างความคุ้มครองให้กับที่อยู่อาศัย จะทำในรูปประกันอัคคีภัย หรือ การประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่ถ้าต้องการให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งเจ้าของบ้าน ตัวบ้าน สำนักงานในบ้าน ห้องชุดอยู่อาศัยในแฟลต แมนชั่น หรือคอนโดมิเนียม จะมีอีกทางเลือกที่ให้ผลประโยชน์ที่ดีกว่าคือ การทำประกันภัยสำหรับเจ้าบ้าน ซึ่งจะให้ความคุ้มครองทั้งในส่วนของความเสียหายที่เกิดจากอัคคีภัย ความเสียหายจากโจรกรรมหรือการลักทรัพย์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ความเสียหายต่อทรัพย์สินในอาคาร การสูญเสียค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราว และการจ่ายเงินชดเชยการเสียชีวิตของผู้ทำประกันภัย อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญาที่ตกลงกันไว้กับบริษัทประกันว่าจะคุ้มครองให้ทั้งหมดหรือคุ้มครองเฉพาะส่วน
ปกติแล้ว การซื้อประกันภัยบ้านควรครอบคลุม 3 ส่วนคือ ตัวบ้านหรืออาคารพักอาศัย ทรัพย์สินภายในบ้าน และบุคคลที่ 3 ทั้งนี้ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุวินาศภัยหรือเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม การสูญเสียทรัพย์สินภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ และเสื้อผ้า ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีเกณฑ์แบ่งเป็นระดับความเสียหาย และบริษัทประกันภัยจะมีการจำกัดขอบเขตราคาและประเภทของทรัพย์สินที่จะรับประกันเอาไว้ในสัญญา ส่วนสุดท้ายเป็นการประกันภัยบุคคลที่ 3 เป็นการประกันภัยที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นจากเหตุที่เกิดขึ้นจากบ้านที่เอาประกัน
การแบ่งระดับความเสียหายหรือระดับของความคุ้มครองสำหรับผู้เป็นเจ้าของบ้าน สามารถแบ่งออกเป็น 5 หมวดดังนี้
1. ความสูญเสียหรือความเสียหายต่ออาคาร
2. ความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินในอาคาร
3. ค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนที่พักอาศัยชั่วคราวและการสูญเสียค่าเช่า
4. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และ
5. เงินชดเชยการเสียชีวิตของผู้เอาประกันภัย
สำหรับประโยชน์ที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เอาประกันภัยบ้านจะได้รับคือ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แยกตามระดับข้างต้น โดย
หมวดที่ 1 ความสูญเสียหรือความเสียหายต่ออาคาร ผู้เป็นเจ้าของบ้านจะได้รับการชดใช้เป็นเงินสด หรือซ่อมแซม หรือทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ต้องไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
หมวด 2 ความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินในอาคาร จะคุ้มครองด้วยการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินในอาคารที่เอาประกันภัย ตามจำนวนมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินในขณะเกิดความสูญเสียหรือเสียหาย แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
หมวด 3 ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราวและการสูญเสียค่าเช่า กรณีที่ผู้เป็นเจ้าของบ้านทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเกิดความเสียหายจะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราวตามจำนวนเงินค่าเช่าที่ได้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
การสูญเสียค่าเช่า
หมวด 4 ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก การชดใช้จะทำในนามของผู้เอาประกันภัยต่อความเสียหายที่ เกิดขึ้นต่อบุคคลภายนอก ดังนี้ กรณีเสียชีวิตจะชดใช้ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
สำหรับการบาดเจ็บจะชดใช้เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลตามที่ได้จ่ายไปจริง รวมทั้งค่าชดเชยตามสมควร แต่ไม่เกินจำนวนเงิน เอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
หมวด 5 หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายใต้เงื่อนไขความคุ้มครองจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ทั้งนี้ แต่ละหมวดจะมีเบี้ยเอาประกันและให้ความคุ้มครองที่แตกต่างลดหลั่นกันไปตามระดับของการเอาประกันและความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยอัตราเบี้ยประกันภัยจะคิดจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อสถานที่เอาประกันภัย เช่น ลักษณะการใช้สถานที่ที่เอาประกันภัย ลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง จำนวนชั้น ที่ตั้ง อุปกรณ์ดับเพลิง ประวัติความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีต การระบุประเภทความคุ้มครองและภัยเพิ่มพิเศษที่ต้องการ และทุนประกันภัย โดยจะคิดจากมูลค่าราคาตลาดของทรัพย์สิน (Market Value) หรือ มูลค่าในการสร้างขึ้นใหม่ (Replacement Value) เพราะหากทำประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าของทรัพย์สินที่เอาประกันภัย ผู้เอาประกันอาจถูกเฉลี่ยค่าความเสียหายเมื่อมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ทางที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องการทำประกันภัยบ้าน ควรพิจารณาข้อมูลหลายด้านประกอบ อาทิ การตรวจสอบถึงอัตราเบี้ยประกันภัยบ้านจากผู้ให้บริการอยู่ในปัจจุบันทำได้โดยการสำรวจหลายๆบริษัทประกันภัยหลายแห่งแล้วนำอัตราเบี้ยประกันภัยมาเปรียบเทียบ ระยะเวลาคุ้มครอง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตลอดอายุสัญญา และผลประโยชน์คุ้มครอง
กรณีของผู้ซื้อบ้านมือสอง ควรตรวจสอบด้วยว่าบ้านที่คุณซื้อมีประกันภัยแล้วหรือยัง ส่วนใหญ่บ้านมือสองที่ยังผ่อนชำระไม่หมด ธนาคารที่เป็นผู้ปล่อยกู้หรือเจ้าหนี้ ต้องให้เจ้าของบ้านทำประกันภัยบ้านเป็นอีกความคุ้มครองที่ทำได้ระหว่างรอเปลี่ยนมือ หากบ้านหลังนั้นมีกรมธรรม์คุ้มครองอยู่ผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าของใหม่สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาดอยู่ให้ครบตามความต้องการเท่านั้น
การประกันภัยบ้านดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในหลายแนวทางของการรักษาและคุ้มครองบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเอาไว้ และมีต้นทุนส่วนหนึ่งในความคุ้มครอง ดังนั้น การจะพิจารณาเลือกทำประกันภัยผู้เป็นเจ้าของบ้านจะต้องพิจารณาจากสภาพความเสี่ยงภัยและความต้องการความคุ้มครองทรัพย์สิน เช่น ต้องการความคุ้มครองทรัพย์สิน จากอัคคีภัย การโจรกรรมลักทรัพย์ ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และการสูญเสียค่าเช่าเป็นต้น เมื่อทราบถึงความต้องการและประเภทของการคุ้มครองทรัพย์สินแล้วจะสะท้อนได้ถึงต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการคุ้มครองดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีอีกแนวทางหนึ่ง คือ การประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Insurance) ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของแนวทางปฏิบัติ ดำเนินการโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีกลไกในระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อรับประกันความเสี่ยงของผู้ซื้อบ้าน หากโครงการนี้แล้วเสร็จพร้อมประกาศใช้จะเป็นอีกแนวทางที่รับประกันและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อบ้านในระบบได้ดีอีกแนวทางหนึ่ง
|