/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php 20 ปัญหายอดฮิต! ของงานระบบต่างๆในบ้าน
 
 
    
   
     
     
   
 

20 ปัญหายอดฮิต! ของงานระบบต่างๆในบ้าน

21 ก.ค. 2554

20 ปัญหายอดฮิต! ของงานระบบต่างๆในบ้าน

ปัญหายอดฮิต ของระบบต่างๆในบ้าน เช่นท่อน้ำประปารั่วซึม ทำอย่างไรเมื่อปั๊มน้ำอัตโนมัติทำงาน แต่สูบน้ำไม่ขึ้นหรือไหลน้อย ท่อระบายน้ำทิ้งอุดตัน ผู้อาศัยอาจจะเคยพบกับปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นนี้ วันนี้เรามีวิธีตรวจสอบและแก้ไขปัญหามาฝากกันค่ะ

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าท่อน้ำประปารั่วซึม
A: ส่วนใหญ่บิลค่าน้ำที่สูงผิดปกติจะเกิดจากการรั่วไหล อาทิ ท่อแตกหรือรั่ว อุปกรณ์ภายในโถสุขภัณฑ์รั่วซึม สำหรับการตรวจสอบท่อน้ำประปารั่วซึม แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ การตรวจสอบท่อรั่วภายในบ้านและท่อรั่วใต้ผิวดิน
#วิธีการตรวจสอบท่อรั่วภายในบ้าน
1.ปิดก๊อกน้ำทุกจุดภายในบ้าน
2.สังเกตดูการทำงานของมาตรวัดน้ำว่าตัวเลขมีการเคลื่อนไหวหรือไม่
คำแนะนำ หากมาตรวัดน้ำยังเดินอยู่ แสดงว่ามีท่อรั่วควรเรียกช่างประปามาซ่อมแซมทันที กรณีที่มีการฝังท่อไว้ในผนังปูน หากมีการรั่วซึมจะมีคราบน้ำหรือรอยเปียกชื้นให้เห็น ให้กะเทาะผนังออกแล้วซ่อมแซมให้เรียบร้อย
#วิธีการตรวจสอบท่อรั่วใต้ผิวดิน
1.ให้สังเกตพื้นดินโดยรอบ ถ้ามีท่อแตกหรือรั่วซึม บริเวณนั้นจะเปียกชื้นและทรุดต่ำกว่าที่อื่น หรือหากมีต้นไม้ขึ้นอยู่ใกล้ๆก็จะเจริญเติบโตมีใบเขียวชอุ่มกว่าบริเวณอื่นๆ
2.น้ำจะไหลอ่อนกว่าปกติ
คำแนะนำ ให้ติดตั้งวาล์วประตูน้ำขนาดเล็ก (Stop Valve) เพิ่มเติมในแต่ละโซน อาทิ ห้องน้ำ ห้องครัว  เพราะหากมีท่อรั่วหรือเปลี่ยนก๊อกน้ำใหม่ให้ปิดวาล์วน้ำบริเวณนั้นเพื่อซ่อมแซม โดยเรายังสามารถใช้น้ำในจุดอื่นๆ ได้ (ไม่ต้องปิดวาล์วที่มาตรวัดน้ำ)

Q: เครื่องสูบน้ำต่อตรงจากมาตรวัดน้ำ (โดยไม่ทำถังเก็บน้ำ) ทำได้หรือไม่!
A: เครื่องสูบน้ำที่ใช้ในบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า"ปั๊มน้ำอัตโนมัติ" (Home Automatic Pump) ทางเทคนิคแล้วสามารถต่อตรงจากมาตรวัดน้ำได้ แต่ว่ามันผิดกฎหมายนะครับ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดข้อบังคับของการประปา โดยมีโทษปรับและอาจถูกสั่งงดใช้น้ำได้ และยังเป็นการสร้างความเดือนร้อนให้แก่เพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย เพราะทำให้น้ำประปาของเพื่อนบ้านไหลอ่อนลง นอกจากนี้การสูบน้ำจากท่อประปาโดยตรงมีผลเสียและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ กล่าวคือ ในกรณีที่มีท่อแตกหรือรั่วเกิดขึ้น ปั๊มน้ำจะดูดสิ่งสกปรกจากภายนอกท่อเข้ามาเจือปนในน้ำด้วย ทำให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำสั้นลง 
คำแนะนำ ไม่ควรต่อเครื่องสูบน้ำตรงเข้ากับมาตรวัดน้ำ ควรทำถังเก็บน้ำเพื่อรองรับน้ำแล้วใช้ปั๊มน้ำดูดจากถังเก็บน้ำอีกทอดหนึ่ง

Q: ทำอย่างไรเมื่อปั๊มน้ำอัตโนมัติทำงาน แต่สูบน้ำไม่ขึ้นหรือไหลน้อย
A: มีหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ ท่อน้ำอุดตัน ระดับน้ำในแหล่งน้ำต่ำกว่าปลายท่อดูด น้ำที่ใช้ล่อถังอัดความดันหรือถังอัดอากาศมีไม่เพียงพอ หรือกำลังของมอเตอร์ปั๊มน้ำมีขนาดเล็กเกินไป
คำแนะนำ เมื่อท่อน้ำอุดตัน ให้ปิดวาล์วน้ำแล้วล้างทำความสะอาดท่อหรือเปลี่ยนท่อใหม่ แต่ถ้าระดับน้ำในแหล่งน้ำต่ำกว่าปลายท่อดูดให้แก้ไขด้วยการติดตั้งปลายท่อดูดให้ลึกลงไปในน้ำมากขึ้น ส่วนกรณีน้ำที่ใช้ล่อถังอัดความดันมีไม่เพียงพอ ก็ให้ถอดฝาจุกที่เติมน้ำออกแล้วเติมน้ำให้เต็มจนน้ำล้นออกมา จากนั้นปิดจุกให้แน่นตามเดิมแล้วเปิดสวิตช์ไฟให้เครื่องปั๊มน้ำทำงานอีกครั้ง เพื่อดึงน้ำให้ไหลได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

TIPS: การเลือกซื้อปั๊มน้ำอัตโนมัติ
ปั๊มน้ำอัตโนมัติมีหลายขนาดให้เลือกใช้ตั้งแต่ 100-250 วัตต์ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะติดตั้ง พฤติกรรมการใช้น้ำและคนในครอบครัวด้วย เช่น ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวหรือทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเปิดน้ำใช้อย่างเดียวให้เลือกขนาด 100 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว เพราะสามารถใช้น้ำได้พร้อมกัน 2- 3 จุด แต่ถ้ามีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยควรเปลี่ยนมาใช้ขนาด 150 วัตต์ เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นต้องการแรงดันน้ำสม่ำเสมอ  หากเป็นครอบครัวใหญ่และชอบใช้น้ำในเวลาใกล้เคียงกัน ต้องใช้ปั๊มที่มีกำลังวัตต์สูงขึ้น คิดง่ายๆถ้าเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีห้องน้ำ 2-3 ห้อง ควรเลือกใช้ปั๊มน้ำขนาด 200-250 วัตต์ขึ้นไป เพราะใช้น้ำได้พร้อมกัน 5-6 จุด

Q: เลือกอย่างไรดี! ระหว่างถังเก็บน้ำแบบฝังดินหรือติดตั้งไว้บนดิน (เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน)
A: การเก็บน้ำแบบฝังดินมีข้อดีคือ ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยให้ทัศนียภาพโดยรอบดูสวยงาม แต่การติดตั้งจะยุ่งยากและมีราคาสูง เพราะต้องได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม (ตอกเสาเข็มสั้นประมาณ 2 เมตรและทำฐานคอนกรีตเสริมเหล็ก) เพื่อป้องกันตัวถังหรือท่อน้ำแตกร้าวเนื่องจากการทรุดตัวของดิน นอกจากนี้หากตัวถังเกิดการรั่วซึมจะตรวจเช็คได้ลำบาก และการทำความสะอาดภายในถังก็ยุ่งยากกว่าส่วนการเก็บน้ำแบบติดตั้งไว้บนดิน มีข้อดีคือ สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีราคาถูกกว่าการสำรองน้ำแบบฝังดิน มีให้เลือกใช้งานหลายชนิด ทั้งที่ทำจากไฟเบอร์กลาส พอลิเอสทีลีน และสเตนเลส แต่ก็ทำให้สภาพแวดล้อมของบ้านดูไม่เรียบร้อย ทั้งยังทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยด้วย

TIP: การเลือกขนาดของถังเก็บน้ำให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัยในบ้าน
คนเราใช้น้ำเฉลี่ยวันละ 200 ลิตร (ทั้งดื่มและใช้) หลักการคำนวณขนาดของถังที่เหมาะสมให้เอา 200 คูณจำนวนสมาชิกในบ้านและจำนวนวันที่ต้องการสำรองน้ำไว้ใช้ยามคับขัน ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเลขของถังเก็บน้ำที่ควรซื้อมาใช้งาน สมมติถ้าบ้านเรามีสมาชิก 4 คน และต้องการสำรองน้ำไว้ประมาณสองวัน สูตรการคำนวณจะเท่ากับ 4 X 2 X 200 = 1,600 ลิตร ดังนั้นควรเลือกใช้ถังน้ำที่มีขนาดความจุไม่น้อยกว่า 1,600 ลิตร เมื่อน้ำประปาไม่ไหล เราก็ยังมีน้ำไว้ใช้งาน   

Q: ทำอย่างไรเมื่อท่อระบายน้ำทิ้งอุดตัน
A: การอุดตันของท่อระบายน้ำเสีย ไม่ว่าจะเป็นน้ำทิ้งจากอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน โถสุขภัณฑ์  เราสามารถแก้ไขได้หลายวิธี อาทิ การทำความสะอาดด้วยการถอดท่อดักกลิ่น การใช้ถ้วยยางอัดลม สว่านไชคอห่าน หรือ"งูเหล็ก" รวมถึงการใช้สารเคมีกำจัดสิ่งอุดตันให้หลุดออกไป แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า สารกำจัดสิ่งอุดตันโดยเฉพาะเกล็ดโซดาไฟหรือ Sodium Hydroxide มีฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง อาจจะกัดท่อจนได้รับความเสียหาย แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ (เนื่องจากใช้วิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล) ก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

Q: อยากทราบสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาโถสุขภัณฑ์ชำระล้างไม่ลงหรือมีกลิ่นเหม็น
A: มีหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ ระดับน้ำในถังพักต่ำกว่าระดับมาตรฐาน การแก้ไขให้ปรับแต่งลูกลอยตามคำแนะนำของอุปกรณ์รุ่นนั้นๆ หรือปรับระดับน้ำให้สูงประมาณหนึ่งนิ้วจากขอบบนท่อน้ำล้น การอุดตันที่คอห่านและช่องระบาย เมื่อเริ่มระบายได้ช้าลงหรือระบายไม่ได้ต้องรีบจัดการทันที สำหรับในกรณีที่ปริมาณสิ่งปฏิกูลในบ่อเกรอะมีมากเกินไป หรือที่เราเรียกว่า"ส้วมเต็ม" ให้ติดต่อหน่วยบริการเพื่อมาสูบถ่ายสิ่งปฏิกูลออกไป ส่วนกรณีที่เกิดการอุดตันชั่วคราว อันเนื่องมาจากการใส่วัสดุที่ไม่พึงประสงค์ลงไป ให้ใช้ถ้วยยางอัดลมหรือสว่านไชคอห่านจัดการได้ไม่ได้ติดตั้งท่อระบายน้ำหรือท่อระบายน้ำมีขนาดเล็กเกินไป ให้ตรวจสอบและติดตั้งตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยปกติท่อระบายอากาศควรมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 1.5 นิ้ว และแยกออกจากท่อน้ำทิ้งของโถสุขภัณฑ์โดยตรง

Q: ห้องน้ำมีกลิ่นอับเกิดจากอะไรและจะแก้ปัญหาอย่างไร
A: ปัญหานี้มักเกิดจากความเปียกชื้นซึ่งไม่สามารถระบายออกได้ หรือระบายไม่ทัน และการที่แสงแดดส่องถึงได้ยาก โดยเฉพาะห้องน้ำที่อยู่ใต้บันไดของตึกแถวหรือทาวน์เฮ้าส์ซึ่งเป็นห้องติดกัน วิธีแก้ปัญหาให้เจาะช่องระบายอากาศหรือทำช่องแสงเพื่อให้ห้องสว่างขึ้น(อาจติดตั้งด้วยกลาสบล็อกหรือติดบานกระจกฝ้าก็ได้) และทำประตูห้องน้ำเป็นบานเกล็ดตลอดแนว เพื่อให้ลมผ่านเข้าสู่ห้องน้ำได้สะดวก ที่สำคัญควรติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ห้องไม่มีกลิ่นอับแล้ว ยังช่วยให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆหลังการใช้ห้องน้ำหายไปอีกด้วย

Q: สายไฟฟ้าใช้กี่ปีถึงต้องเปลี่ยน!
A: ฉนวนหรือเปลือกชั้นนอกที่ใช้หุ้มสายไฟฟ้า ปัจจุบันทำด้วยพีวีซี  ซึ่งเหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร หากเราใช้งานปกติ ไม่ใช้กระแสไฟเกินขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สายไฟที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า15-20 ปี แต่ถ้าปล่อยให้ถูกกระแทก ตากแดดตากฝนและถูกรังสียูวีเล่นงานเป็นประจำ จะมีอายุการใช้งานไม่เกินสิบปี ดังนั้นการเดินสายไฟแบบร้อยท่อก็พอช่วยยืดอายุการใช้งานของสายไฟได้ในระดับหนึ่ง

Q: โคมไฟฉุกเฉิน (Automatic Emergency Light) จำเป็นต้องมีติดไว้ที่บ้านหรือไม่!
A: ไม่จำเป็นครับ เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับ แต่ถ้าต้องการติดตั้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องอันเนื่องมาจากไฟตก ไฟฟ้าลัดวงจร หม้อแปลงระเบิด หรืออัคคีภัย ก็มีประโยชน์ไม่น้อย หลักการทำงานของโคมไฟฉุกเฉินแบบนี้ จะให้แสงสว่างทันทีเมื่อเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง และจะดับเองเมื่อกระแสไฟฟ้าเข้าสู่สภาวะปกติ (โคมไฟสามารถส่องสว่างได้นานหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่) หลังจากนั้นวงจรภายในเครื่องจะชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่จนเต็มโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะใช้งานในคราวต่อไป

Q: ถ้าเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (มิเตอร์ไฟ) ผิดพลาด! เราจะทราบได้อย่างไร
A: ให้ดับไฟทุกดวงและปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นภายในบ้าน แล้วเดินไปดูที่มิเตอร์ ในภาวะปกติจานจะไม่หมุน  แต่หากพบว่าจานยังหมุนอยู่ แสดงว่ามีไฟรั่วลงดิน สำหรับการแก้ไขให้แจ้งที่การไฟฟ้าเขตที่รับผิดชอบ เพื่อให้มาดำเนินการตั้งเทียบเครื่องวัดให้ใหม่ โดยมิเตอร์ทั้งของผู้ใช้ไฟฟ้าและของการไฟฟ้าจะทำงานไปพร้อมๆกัน หน่วยที่ขึ้นต้องเท่ากัน หากขึ้นไม่เท่ากันแสดงว่าเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเกิดการผิดพลาด การไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่มีหน้าที่ต้องเปลี่ยนให้ใหม่ทันที พร้อมคิดค่ากระแสไฟเพิ่มหรือลดให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าต่อไป

Q: ทำไม! ต้องมีสายดิน
A: สายดินมีไว้เพื่อให้ระบบไฟฟ้าครบวงจร และควบคุมให้แรงดันไฟฟ้ามีความสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกไฟดูดในกรณีที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพราะกระแสไฟรั่วจะไหลลงทางสายดิน โดยไม่ผ่านร่างกายผู้ที่สัมผัสกับเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าว

Q: เต้ารับไม่มีไฟ ตรวจสอบอย่างไรดี
A: เมื่อเสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานไม่ได้ อาการนี้เกิดได้หลายสาเหตุ 
คำแนะนำ เต้ารับหลวม เต้ารับที่คุณภาพไม่ดี เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งอาจหลวมได้ เนื่องจากปลั๊กที่นำมาเสียบมีหลายแบบหลายขนาด ให้ลองขยับเต้าเสียบดูอาจใช้งานได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด ลองย้ายปลั๊กไปเสียบเต้ารับตัวอื่น เพื่อตรวจสอบดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ายังใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ สายไฟที่ต่อเข้ากับเต้ารับหลุดหรือเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น สายขาดระหว่างทางหรือเครื่องป้องกันกระแสเกินปลดวงจร การแก้ไขเบื้องต้นให้ใช้ไขควงวัดไฟเช็คดูว่าเต้ารับมีไฟหรือไม่ หรือใช้หลอดทดสอบเพื่อวัดวงจรไฟฟ้าว่าสายทั้งสองเส้นมีเส้นใดเส้นหนึ่งขาดหรือไม่(ถ้าหลอดไฟติดแสดงว่าใช้ได้) หรือถอดเต้ารับเพื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียด

Q: เดินท่อน้ำยาไกลมากๆมีผลอย่างไรกับเครื่องปรับอากาศ
A: ระบบการติดตั้งท่อน้ำยาจากคอยล์ร้อนด้านนอกเข้ามาภายในห้อง ควรมีระยะทางที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต โดยทั่วไปไม่ควรจะเกิน 15-20 เมตร เพราะการเดินท่อน้ำยาไกลเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องลดลง เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนักขึ้น และเกิดการสูญเสียพลังงานระหว่างทางมากกว่าปกติ เป็นการสิ้นเปลืองค่าไฟด้วย

Q: ทำอย่างไรเมื่อเครื่องปรับอากาศที่บ้านมีน้ำหยด
A: การที่มีน้ำหยดหรือรั่วออกมาจากแผงคอยล์เย็น (Fan Coil Unit) อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นถาดหรือท่อน้ำทิ้งสกปรกหรืออุดตัน เนื่องจากมีการใช้งานมานาน มีฝุ่นผงและตะกอนตกค้างเป็นจำนวนมาก การแก้ไขให้ล้างทำความสะอาดโดยใช้เครื่องเป่าลมที่มีแรงดันสูงหรือเปลี่ยนท่อน้ำทิ้งใหม่ ฉนวนหุ้มท่อภายในเครื่องชำรุดหรือฉีกขาด ทำให้มีน้ำหยดออกนอกถาด การแก้ไขให้เรียกช่างแอร์มาตรวจเช็คอาการเพื่อซ่อมแซมให้ดีดังเดิม และอีกสาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยหลังการล้างเครื่องปรับอากาศก็คือ ช่างใส่อุปกรณ์กลับคืนไม่เรียบร้อย เช่น ใส่ถาดรองน้ำทิ้งไม่เข้าที่หรือไม่ได้ใส่ท่อน้ำทิ้งก็มีครับ

Q: เครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ต่างกับเครื่องปรับอากาศทั่วไปตรงไหน!
A: ต่างกันที่ค่าประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ (EER) เพราะเครื่องปรับอากาศ เบอร์ 5 ออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าเครื่องปรับอากาศธรรมดาทั่วไป ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับแต่งองค์ประกอบหลักของเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้คอมเพรสเซอร์ประหยัดไฟ หรือเพิ่มขนาดของแผงคอยล์เพื่อช่วยระบายความร้อน รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังนั้นเครื่องปรับอากาศ เบอร์ 5 จึงมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศธรรมดาอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยประหยัดค่าไฟได้ดี

TIP: EER (Energy Efficiency Ratio) คือค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ มีหน่วยเป็น BTU/h/W ซึ่งคำนวณโดยการเอาค่าบีทียูมาหารด้วยกำลังไฟฟ้า ถ้าเครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER ยิ่งสูงแสดงว่ามีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานดีมาก (คุ้มค่าและประหยัดไฟ) ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ในปี 2006 ที่ได้รับฉลากมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 จากการกฟผ.นั้น ต้องมีค่า EER 11 ขึ้นไป ตัวอย่างเช่น  เครื่องปรับอากาศ  ขนาด 12,000 บีทียู ใช้พลังงาน 1,050 วัตต์ ค่า EER ที่ได้คือ 12,000 / 1,050 = 11.42 หมายความว่า เครื่องปรับอากาศเครื่องนี้มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามเกณฑ์มาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5

Q: เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไรให้ได้ขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง
A: การซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดใหญ่เกินไปจะส่งผลให้ห้องมีความเย็นมาก ทำให้คอมเพรสเซอร์ต้องเดินหรือหยุดการทำงานบ่อย นอกจากนี้ราคาเครื่องและค่าติดตั้งก็จะสูงตามไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าเราซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็กเกินไป การทำความเย็นอาจไม่เพียงพอ และคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้มีอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นเราจึงควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีขีดความสามารถในการทำความเย็นให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง โดยใช้สูตรง่ายๆ ดังนี้คือ ความกว้างของห้อง X ความยาวของห้อง (เมตร)
หมายเหตุ: ค่าที่ได้จากการคำนวณใช้ได้กับห้องที่มีความสูงไม่เกิน 3 เมตร
#ตัวอย่างขนาดเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในบ้านพักอาศัยทั่วไป
-เครื่องปรับอากาศขนาดประมาณ 9,000 บีทียู เหมาะกับห้องขนาด 9-15 ตารางเมตร 
-เครื่องปรับอากาศขนาดประมาณ 12,000 บีทียู เหมาะกับห้องขนาด 16-20 ตารางเมตร 
-เครื่องปรับอากาศขนาดประมาณ 18,000 บีทียู เหมาะกับห้องขนาด 24-30 ตารางเมตร

Q: ใช้เครื่องปรับอากาศอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน
A: ปรับระดับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับห้อง การตั้งอุณหภูมิให้ไม่เย็นจนเกินไปเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยประหยัดพลังงาน เพราะทุกองศาของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหมายถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ ซึ่งระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส และหมั่นบำรุงรักษาความสะอาดแผ่นกรองอากาศและขดลวดอย่างสม่ำเสมอ และควรให้ช่างบริการมาตรวจเช็คสภาพเครื่องปรับอากาศครั้งใหญ่อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศให้ยาวนานยิ่งขึ้น

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องรับโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณหรือไม่มีเสียง
A: ความจริงแล้วโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณหรือไม่มีเสียงนั้น เราสามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง เพียงถอดสายต่อพ่วงของเครื่องโทรศัพท์ที่มีปัญหาออกมา แล้วเปลี่ยนเอาเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้งานได้มาต่อพ่วงแทน หากใช้งานได้ตามปกติแสดงว่าเครื่องรับโทรศัพท์ตัวเดิมชำรุดหรือเสียหาย ให้ส่งเครื่องซ่อมก่อนหรือซื้อเครื่องมาเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีสัญญาณอีกอาจเป็นเพราะสายโทรศัพท์ขาดหรือชำรุด อาทิ ถูกของแข็งกระแทก ถูกดึง หรือถูกหนูกัดก็เป็นได้
คำแนะนำ ถ้าสายโทรศัพท์ขาดหรือชำรุด ให้เรียกช่างจากองค์การโทรศัพท์หรือบริษัทผู้รับสัมปทานในพื้นที่ที่คุณใช้บริการมาตรวจเช็คสายโทรศัพท์ใหม่ทั้งหมด โดยไล่ดูตั้งแต่สายเมนที่อยู่ภายนอกตัวบ้าน(สายสีดำ) และสายที่ต่อเข้ามาภายในตัวบ้าน(สายสีครีม) หากพบการชำรุดเสียหายให้ซ่อมแซมหรือเดินสายใหม่ ทั้งนี้หากเราพอมีความรู้อยู่บ้างและต้องการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง (ไม่อยากเรียกช่างให้เสียเงินและเวลา) ก็ควรใช้ความระมัดระวังไว้ด้วย อาทิ สวมถุงมือทุกครั้งถ้าต้องสัมผัสสายโทรศัพท์ แม้ว่ากระแสไฟในสายจะเป็นไฟฟ้ากระแสตรงเช่นเดียวกับที่เราได้จากหม้อแปลง (ไม่ใช่ไฟฟ้ากระแสสลับเหมือนที่เราใช้ในบ้าน) แต่เมื่อมีคู่สนทนาเรียกสายเข้ามาจะทำให้กระแสไฟในสายโทรศัพท์เพิ่มขึ้นทันที หากเราจับสายโทรศัพท์ด้วยมือเปล่าอาจทำให้สะดุ้งได้เหมือนกัน และแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ควรคำนึงถึงคำว่า "ปลอดภัยไว้ก่อน" ดีกว่าครับ

หมายเหตุ : ช่างจากองค์การโทรศัพท์หรือบริษัทผู้ได้รับสัมปทาน ส่วนใหญ่จะตรวจเช็คให้เฉพาะอุปกรณ์และสายโทรศัพท์ที่อยู่ภายนอกตัวบ้านเท่านั้น สำหรับสายโทรศัพท์ที่ต่อจากกล่องพักสายเข้าไปถึงด้านในตัวบ้าน ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบ้านที่ต้องดูแลรักษาให้สามารถใช้งานได้ตามปกติครับ

Q:ทำอย่างไรเมื่อเครื่องรับโทรศัพท์มีเสียงเบากว่าปกติ
A: ให้แก้ไขด้วยการถอดสายต่อพ่วงระหว่างหูฟังกับตัวเครื่องออกมาปัดทำความสะอาดด้วยการเป่าลมหรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ รวมถึงกล่องรับสัญญาณโทรศัพท์ (กล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ภายนอกตัวบ้าน) เพราะบ่อยครั้งที่มีฝุ่นละอองเข้าไปจับอุปกรณ์ต่างๆหรือมีมดแมลงเข้าไปทำรัง หรือเมื่อได้รับความชื้นโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การรับสัญญาณไม่ชัดเจน เป็นผลให้คู่สายได้ยินเสียงของเราเบากว่าปกติครับ

Q: เครื่องรับโทรศัพท์มีเสียงรบกวนหรือแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
A: อาจเกิดได้หลายสาเหตุ อาทิ สายต่อพ่วงชำรุด หรือติดตั้งสายโทรศัพท์ใกล้กับสายไฟฟ้ามากเกินไป
คำแนะนำ สายต่อพ่วงชำรุด เพราะใช้งานมานาน ให้ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากมีราคาไม่แพง หรือสายโทรศัพท์ที่ต่อเข้ากับเต้ารับหลวม ให้แก้ไขด้วยการขันน็อตยึดสายให้แน่นทุกตัว ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากสายโทรศัพท์ที่ช่างติดตั้งไว้นั้น อยู่ใกล้กับสายไฟบ้านมากเกินไป แนวทางการแก้ไขให้แจ้งที่องค์การโทรศัพท์หรือบริษัทที่ได้รับสัมปทานให้ส่งทีมช่างมาตรวจสอบเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย

 

 


แหล่งที่มา :
จำนวนคนอ่าน : 27878 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

รับปูพื้นไม้ พื้นปาร์เก้ พื้นลามิเนต

ตรวจระบบไฟฟ้าอย่างไรความปลอดภัย...หลังน้ำท่วม

28 ส.ค. 2557
ตรวจระบบไฟฟ้าอย่างไรความปลอดภัย...หลังน้ำท่วม

น้ำท่วม บ้านเสียหายอย่างหนัง ก่อนการล้างบ้าน เราควารมาตรวจสอบระบบไฟฟ้ากันก่อนเพื่อความปลอดภัยของเราและคนในบ้าน    Read more

การใช้งานปลั๊กไฟหลังโดนน้ำท่วม

28 ส.ค. 2557
การใช้งานปลั๊กไฟหลังโดนน้ำท่วม

ระบบไฟ้ฟ้าภายในบ้าน เป็นเรื่องที่ทุกคนในบ้านพึงตระหนัก และต้องมีความระมัดระวังในการใช้งาน ยิ่งในภาวะหลังโดนน้ำท่วมยิ่งต้องใช้ความไม่ประมาทในการใช้งานเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน    Read more

วิธีทำความสะอาด โซฟา หลังน้ำท่วม

28 ส.ค. 2557
วิธีทำความสะอาด โซฟา หลังน้ำท่วม

เพราะ ?โซฟา? เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเอกในบ้าน และมีประโยชน์การใช้สอยค่อนข้างสูง สำหรับบางคน ?โซฟา? ถูกใช้เป็นทั้งที่นั่งเล่นดูทีวี ที่รับประทานอาหาร ที่อ่านหนังสือ ที่นอน ฯลฯ แถมที่สำคัญยังเป็นจุดรวมตัวของคนในครอบครัว จึงทำให้ โซฟา ตัวโปรดอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือไม่สวยน่าใช้เหมือนเก่าได้     Read more

วิธีซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังจากน้ำท่วม

28 ส.ค. 2557
วิธีซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังจากน้ำท่วม

หลักการและวิธีการซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังน้ำท่วมที่ถูกวิธีนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ที่จมน้ำเป็นเวลานานนั้น อายุการใช้งานก็จะเสื่อมสภาพลง วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ    Read more

แนวทางแก้ไขปัญหาระบบประปาหลังน้ำท่วม

28 ส.ค. 2557
แนวทางแก้ไขปัญหาระบบประปาหลังน้ำท่วม

ระบบประปาเป็นระบบที่เหมือนกับไม่มีปัญหา เพราะเหตุเกิดจากน้ำท่วม แต่หากมองข้ามไป อาจทำให้คุณ สูญเสียชีวิตอันเป็นที่รักยิ่งไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่มีระบบประปา ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบขอแนะนำ การตรวจสอบดังต่อไปนี้     Read more
Topics 6 - 10 of 40