10 สารพิษที่พบในบ้านและการใช้ชีวิตประจำวัน
จะเป็นอย่างไรถ้าบ้านซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่เราสร้างขั้น กลายเป็นสิ่งแวดล้อมอันตรายต่อสุขภาพของลูกรักไปโดยเราไม่รู้ตัว ทั้งที่อันตรายเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยตัวเราเอง มาดูกันค่ะ
|
|
1.Triclosan (ไตรโคซาน)
เป็นสารสังเคราะห์ ที่มีประสิทธิภาพต้านเชื้อแบคทีเรีย(Antibacterial)และเชื้อรา (Antifungul) มักพบได้ใน สบู่เหลวฆ่าเชื้อแบคทีเรีย น้ำยาทำความสะอาด ยาระงับกลิ่นตัว ยาสีฟัน เครื่องสำอางค์ เครื่องครัว ของเล่นเด็ก ยาแก้สิวการใช้ Triclosan บ่อยๆจะทำให้แบคทีเรียดื้อยา และ Triclosan สามารถเปลี่ยนเป็นไดท๊อกซินที่มีพิษร้ายแรงได้เมื่อโดนแสงแดด และนอกจากนั้นไตรโคซานสามารถทำปฏิกิริยากับคลอรีนในน้ำประปาเกิดเป็นคลอโรฟอร์ม (Chloroform) ซึ่งมีพิษและเข้าสู่ร่างกายด้วยการดูดซึมผ่านผิวหนัง หรือเมื่อสูดดมTriclosan มีผลทำให้ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ และมีผลต่อต่อมไทรอยด์ ทำให้การเกิดภูมิแพ้ หอบหืด เกิดการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ และทำให้ทารกในครรภ์เกิดการเจริญที่ผิดปกติ
ปัจจุบัน( ค.ศ.2010) ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและอาเซียน ยังคงอนุญาตให้ใช้สาร Triclosan เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 0.3%
|
|
2.Phthalates พาทาเลต
เป็นสารผสมในพลาสติกเพื่อทำให้พลาสติกอ่อนตัว มักพบได้ใน หลอดดูดน้ำ พื้นกระเบื้องยาง(ไวนิล) กล่องพลาสติกบรรจุอาหาร ชามใส่อาหารพลาสติก ถุงพลาสติก กระดาษเคลือบพลาสติก( ที่ใช้ห่อแฮมเบอเกอร์,เนย ) ผงซักผ้า ของเล่นเด็กที่มีพลาสติก ผ้าม่านห้องน้ำ สบู่ แชมพู ยาทาเล็บ สเปรย์ฉีดผม ผ้าใบพลาสติกกันน้ำ สายไฟ พรม รองเท้าที่มีพลาสติก หนังเทียมPhthalates เป็นสารก่อมะเร็ง
ปัจจุบัน( ค.ศ.2010) สหภาพยุโรปสั่งห้ามใช้ Phthalates ในของเล่นเด็ก และ United States Environmental Protection Agency( EPA) แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศให้ Phthalates เป็นเคมีภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
|
|
3.Bisphenol A ( BPA)บิสฟนอล เอ
เป็นสารประกอบอีพ็อกซี่เรซิน(epoxy resins) เป็นตัวทำให้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกมีความแข็งแรงมากขึ้นมักพบได้ในบรรจุภัณฑ์ต่างๆ กระป๋องบรรจุอาหาร ขวดน้ำ ขวดนมเด็ก ของเล่นเด็ก กระป๋องอาหาร แผ่นซีดีรอม แผ่นดีวีดีรอม โพลีคาร์บอเนต (polycarbonate plastic)Bisphenol A เป็นสาเหตุของโรคหลายโรคได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) เบาหวาน และโรคตับ
ปัจจุบัน( ค.ศ.2010) แคนาดาสั่งห้ามจำหน่ายและนำเข้าสินค้าที่มีส่วนผสมของ Bisphenol A
|
|
4.Carbon monoxide ( CO, Carbonic oxide, Carbonyl ) คารบอนมอนอกไซด์
เป็นกาซที่เกิดจากการเผาไหมไมสมบูรณของคารบอนหรือสารประกอบคารบอนตาง ๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นมักพบได้ทั่วไปในอากาศ เมื่อมีการปิ้งย่างอาหาร และยังพบจากท่อไอเสียของรถยนต์Carbon monoxide ลดการนำส่งออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงที่ต้องนำไปสู่เซลล์ต่างๆของร่างกาย อันมีผลทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ไม่มีแรง แน่นหน้าอก ใจสั่น หายใจลำบาก และถ้าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในอากาศสูงมาก ผู้ที่ได้รับจะ หมดสติ และ ถึงตายทันที ได้โดยไม่ต้องมีอาการนำ
ปัจจุบัน( ค.ศ.2010) ในสหรัฐอเมริกากำหนดให้สถานที่ทำงานมีค่าความเข้มข้นของ Carbon monoxide ในอากาศเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงานปกติ (TLV-TWA) ไม่เกิน 25ppm และสำหรับประเทศไทยไม่เกิน 50ppm
|
|
5.Perfluorinated chemicals (PFCs) เพอฟลูออริเนต เคมีคอลส์
เป็นสารเคมีมีคุณสมบัติไม่อมน้ำและน้ำมัน ต้านทานความร้อนสูงได้ มักพบในกระทะที่เคลือบสารกันติด( Non-Stick Pan) ถุงบรรจุข้าวโพดคั่วกึ่งสำร็จรูปสำหรับไมโครเวฟ เครื่องหนัง ผ้า พรมเป็นสารก่อมะเร็ง มีผลทำให้มีบุตรยากหรือเป็นหมัน ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ผิดปกติ
ปัจจุบัน United States Environmental Protection Agency( EPA) แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศให้ Perfluorinated chemicals เป็นเคมีภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
|
|
6. Volatile organic compounds (VOCs) โวเลไทล์ ออกานิก คอมปาวด์
เป็นกลุ่มของสารประกอบเคมีอินทรีย์ระเหยง่าย ซึ่งปกติจะมีสถานะเป็นก๊าซหรือไอที่อุณหภูมิห้อง เช่น Benzene, Vinyl Chloride Monomer, Ethylene Dichloride, Chloroform, Dichloroethane, Trichloroethylene, Dichoromethane, Dichloropropane, Butadieneมักพบใน สเปรย์ดับกลิ่น สเปรย์ฉีดผม น้ำหอม น้ำยาทำความสะอาด สีทาบ้าน พรม เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้อัด
สาร VOCs เป็นสารตั้งต้นของปฏิกิริยา photochemical smog และทำปฏิกิริยากับ NOx ทำให้เกิดก๊าซโอโซนและสารอื่นซึ่งเป็นสารมลพิษทางอากาศทุติยภู
สาร VOCs ในรูปของเหลว หรือสารละลาย ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ น้ำใต้ดิน และดิน
สาร VOCs เป็นสารก่อมะเร็ง ถ้าสัมผัสที่ความเข้มข้นต่ำ จะก่อให้เกิดการระคายเคืองตา จมูก คอ มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และ VOCs ยังมีผลต่อ ระบบพันธุกรรม ระบบฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ และระบบประสาท อันทำให้เกิดโรคทางระบบสืบพันธุ์ เช่น เป็นหมัน ความพิการของเด็กมีการกลายเพศ
ปัจจุบัน ( ค.ศ.2010) ทั่วโลกได้มีการเฝ้าระวังไม่ให้มีสาร VOCs มากเกินไปในอากาศอยู่แล้ว แต่ปัญหาอาการป่วยทั้งหลายที่เป็นข่าวใหญ่ ที่มาบตาพุด จังหวัดระยองนั้นคือผลจาก VOCs ที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงงานอุฒสาหกรรมนั่นเอง
|
|
7. Radon (RN) เรดอน
เป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไร้กลิ่น เกิดขึ้นได้จากการแตกตัวของชั้นหินหรือดินที่มีธาตุยูเรเนี่ยมปะปนอยู่ ( พื้นดินโดยทั่วไปมียูเรเนี่ยมปะปนอยู่แล้ว )
มักพบได้ในบ้านที่มีการระบายอากาศที่ไม่ดี และพบมากถ้าพื้นหรือผนังของบ้านที่อยู่ใกล้พื้นดินมีรอยแตกร้าว Radon เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
ปัจจุบัน ( ค.ศ.2010) United States Environmental Protection Agency( EPA) แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศว่าการมี Radon ในอากาศหรือน้ำเกินกว่า 148 Bq/m3 เป็นอันตรายและอาจก่อให้เกิดมะเร็ง
|
|
8.Lead สารตะกั่ว
ตะกั่ว เป็นโลหะสีเทาเงิน หรือแกมน้ำเงินเกิดขึ้นตามธรรมชาติในพื้นดิน หรืออาจเกิดจากภาวะมลพิษ
สารตะกั่วในบรรยากาศมาจากตะกั่วที่ใช้ผสม ในน้ำมันเบนซิน
สารประกอบตะกั่วในน้ำมัน สามารถแพร่กระจายไปได้ไกล หลายกิโลเมตร
สารตะกั่วมักพบได้ในสีทาบ้าน เครื่องจานชามคริสตัล เครื่องปั่นดินเผา แบตเตอร์รี่ หมึก สี ตัวเชื่อมท่อน้ำ แป้งทาเด็ก ของเล่นเด็ก ลิปสติก ไข่เยี่ยวม้า หม้อลวกก๋วยเตี๋ยว หนังเทียม กระเพาะปลา ไส้กรอก เห็ดหอมอบแห้ง
สารตะกั่ว มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท ทำให้เม็ดเลือดแดงอายุสั้นลงซึ่งทำให้เป็นโรคโลหิตจาง เป็นอันตรายต่อระบบประสาท ไต ทางเดินอาหาร ตับ หัวใจ และความรู้สึกทางเพศลดลง ในสตรีมีครรภ์ทารกอาจแท้ง คลอดก่อนกำหนดหรือเด็กอาจมีปัญหาทางสมอง
ปัจจุบันสหภาพยุโรปสั่งห้ามใช้สารตะกั่ว
|
|
9. Pesticides and herbicides เพสทิไซด์ และ เฮอบิไซด์
เป็นสารเคมีในยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืชมักพบใน ข้าว ผัก ผลไม้ หรือพืชผลทางการเกษตรที่ใช้สารเคมีถ้าได้รับสาร Pesticides and herbicides โดยตรงจะมีอาการหายใจขัด แน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก กล้ามเนื้อกระตุก มือสั่นตัวสั่น น้ำลายไหล คอแห้ง และเมื่อสะสมในร่างกายเป็นเวลานานจะทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคทางผิวหนัง หายใจ ระบบประสาท สมอง และ มะเร็ง
ปัจจุบัน ( ค.ศ.2010) ทั่วโลกออกมาตรการต่างๆในการพยายามลดการใช้สารเคมีในการเกษตร แต่คงต้องต้องต่อสู้กับผลประโยชน์อันมหาศาลของคนบางกลุ่ม กันอีกยาวนาน
|
|
10. Formaldehyde ฟอร์มัลดีไฮด์
ฟอร์มาลีน-ฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งสองตัวนี้ในทางเคมีคือสารตัวเดียวกัน เมื่ออยู่ในรูปของสารละลายจะเรียกว่า “ฟอร์มาลีน”และเมื่อเป็นก๊าซจะเรียกว่า“ฟอร์มัลดีไฮด์”
Formaldehyde เป็นสารเคมีที่มักเป็นส่วนผสมของสารต่างๆ ผู้ที่สูดดมสารระเหย Formaldehyde จะมีอาการอาการเฉียบพลัน คือ แสบตาและระคายเคืองในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการอักเสบ มีอาการไอ แน่นหน้าอกหอบคล้ายเป็นหืด อาจถึงขั้นเป็นปอดอักเสบ หรือปอดบวมน้ำเฉียบพลัน และในระยะยาวจะมีอาการพิษเรื้อรัง ซึ่งทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายระบบหายใจ จนทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้และหอบหืด นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระดูและการเจริญพันธุ์อีกด้วย
ในปัจจุบัน ( ค.ศ.2010) ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรป ห้ามใช้วัสดุที่มีส่วนประกอบของสารฟอร์มัลดีไฮด์ เกินกว่า 0.03 mg ต่อ 100g (Formaldehyde Emission Class/ Class E0)
วิธีการหลีกเลี่ยงหรือลดอันตรายจากสารพิษทั้งหลายนั้นอาจทำได้โดยการพยายามใช้ ของที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีธรรมชาติไม่มีส่วนผสมของสารเคมี หรือผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีมากขึ้นพอสมควรแล้ว เมื่อซื้อสินค้าควรดูที่ฉลาก ว่ามีส่วนผสมของสารที่เป็นพิษหรือไม่ และข้อสำคัญทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเทเสมอ
|
